วิธีแก้อาการเจ็บคอ (Sore throat)
- น้ำพริกอร่อยจุง
- Nov 25, 2019
- 1 min read

เจ็บคอ
เจ็บคอ (Sore throat) เป็นอาการเจ็บหรือรู้สึกระคายเคืองในลำคอ เนื่องจากมีการอักเสบของเนื้อเยื่อลำคอ เช่น ผนังช่องคอ ต่อมทอนซิล เพดานอ่อน โคนลิ้น กล่องเสียง เป็นต้น โดยอาการมักจะเป็นมากขึ้นเวลากลืน ส่วนใหญ่อาการเจ็บคอมักเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ แต่บ่อยครั้งก็อาจเกิดจากการอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
อาการเจ็บคอเป็นอาการที่พบได้บ่อยมาก เกือบทุกคนต้องเคยมีอาการนี้อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต สามารถพบได้ในทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ แต่จะพบได้บ่อยในเด็ก วัยรุ่น และคนวัยหนุ่มสาว ส่วนในเพศชายและเพศหญิงมีอัตราการเกิดใกล้เคียงกัน และพบเกิดได้ตลอดทั้งปี แต่จะพบได้สูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว
โดยทั่วไปอาการเจ็บคอจะเป็นอาการที่ไม่รุนแรง สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการพักใช้เสียง ดื่มน้ำให้มาก ๆ รับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามีอาการเจ็บมากจนส่งผลทำให้รับประทานอาหารและดื่มน้ำได้น้อย และอาการไม่ดีขึ้นหลังการดูแลตนเองภายใน 1-3 วัน ก็ควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเสมอ
วิธีรักษาอาการเจ็บคอ
การดูแลตนเองในเบื้องต้น เมื่อมีอาการเจ็บคอผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวให้ถูกต้องและเหมาะสมตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
1.ควรหยุดงานหรือหยุดเรียนจนกว่าไข้จะลดลงแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
2.งดการใช้เสียงชั่วคราว
3.ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ ที่มีรสจืด เช่น โจ๊กหรือข้าวต้มที่ไม่ร้อนจนเกินไป โดยรับประทานครั้งละน้อย ๆ แต่ให้บ่อยขึ้น
4.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดหรือรสจัด รวมไปถึงอาหารที่ปรุงด้วยการผัดหรือการทอด
5.พยายามทำความสะอาดคอบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังการรับประทานอาหาร ด้วยการแปรงฟันหรือกลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่น ๆ (ผสมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำอุ่น 1 แก้ว) น้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำเปล่าทุก 1-2 ชั่วโมงหลังอาหารทุกมื้อ เนื่องจากการไม่รักษาความสะอาดในช่องปากให้ดี อาจทำให้มีเศษอาหารตกค้างอยู่ในช่องปากและลำคอ ทำให้เกิดอาการเจ็บคอมากขึ้นได้
6.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ (ควรเป็นน้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำพออุ่น) อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคที่ต้องจำกัดการดื่มน้ำ เพื่อช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุลำคอที่กำลังอักเสบ และยังช่วยลดอาการเจ็บคอและระคายคอได้ด้วย
7.รับประทานยาแก้ปวดลดไข้พาราเซตามอลเมื่อมีไข้หรือเจ็บคอมาก
8.วิธีแก้เจ็บคออื่น ๆ เช่น การกลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่น ๆ, การดื่มชาคาโมไมล์, การดื่มน้ำผึ้งสูตรต่าง ๆ (เช่น สูตรน้ำร้อนผสมน้ำผึ้ง, น้ำมะนาว, อบเชย 1 ช้อนโต๊ะ และแอปเปิ้ลไซเดอร์อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ), การดื่มน้ำขิง, การดื่มชาชะเอมเทศผสมอบเชย, การรับประทานซุปไก่ (ทำจากไก่สด ๆ), การรับประทานซุปกระเทียม, การอมยาอมผสมมิ้นต์, การใช้ยาน้ำแก้ไอหรือยาอมแก้ไอ (ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อยาเสมอ) เป็นต้น
9.หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่แออัด หรือมีฝุ่นละอองหรือควันต่าง ๆ หรือสถานที่ที่มีคนรอบข้างป่วยหรือไม่สบาย
10.การเปิดเครื่องทำความชื้น ถ้าอากาศในบ้านแห้งจนเกินไปก็อาจทำให้อาการเจ็บคอแย่ลงได้ ซึ่งการเปิดเครื่องทำความชื้นจะช่วยรักษาสภาพของเนื้อเยื่ออ่อนต่าง ๆ ในลำคอได้
11.พยายามอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน ของฉุน และสิ่งระคายเคืองอื่น ๆ เพื่อลดอาการระคายคอ
12.ควรให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอย่างเพียงพอ และหลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็น การตากฝน หรือการสัมผัสอากาศที่เย็นมาก ๆ เช่น การนอนเปิดแอร์เย็นมาก ๆ หรือเปิดพัดลมเป่าจ่อ
13.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
14.หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม รวมถึงชาและกาแฟ
15.ระวังการแพร่เชื้อติดต่อไปยังบุคคลข้างเคียง ด้วยการใช้กระดาษชำระปิดปากปิดจมูกเวลาไอหรือจามทุกครั้ง และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะตอนหลังเข้าห้องน้ำ ก่อนการรับประทานอาหาร หรือหลังการไอหรือจาม
16.ถ้าไปพบแพทย์มาแล้วควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ และรับประทานยาต่าง ๆ ที่สั่งให้ครบถ้วน โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะที่ผู้ป่วยต้องรับประทานให้ครบตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าหลังจากรับประทานยาไปแล้ว 2-3 วันอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะหากไม่รับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบ นอกจากจะทำให้โรคกำเริบได้บ่อยแล้วยังอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ด้วย
ที่มา:https://medthai.com/เจ็บคอ/
Comments